"สุรเธียร"รุกพลังงานทางเลือก ขายแฟรนไชส์โนว์ฮาวไบโอดีเซล
"สุรเธียร จักรธรานนท์" พลิกบทบาทจากมืออาชีพด้านอสังหาริมทรัพย์ สู่มือโปรด้านธุรกิจพลังงานทางเลือก ผุดโมเดลโรงงานไบโอดีเซลขนาดกลาง พร้อมขายโนว์ฮาวในแบบแฟรนไชส์ ลงทุน 40-50 ล้าน 3 ปีคืนทุน ชูจุดเด่นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทย ใช้ได้กับเครื่องจักรในโรงงานและรถยนต์ มั่นใจเป็นธุรกิจอินเทรนด์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เผยมี อบต. ไทยและนักธุรกิจลาวสนใจขอซื้อ
นายสุรเธียร จักรธรานนท์ ประธานกรรมการ บริษัท อี-เอสเทอร์ (กรุงเทพ) จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากใช้เวลา 4-5 ปี คลุกคลีอยู่กับพลังงานทางเลือก และได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำมันไบโอดีเซลรวม 2 แห่ง คือเชียงราย และแห่งที่ 2 ที่สามพราน นครปฐม ทำให้เข้าใจในธุรกิจนี้ลึกซึ้งขึ้น ส่วนเทคโนโลยีการผลิตพัฒนาดีขึ้นกว่าโรงงานแรก ช่วยลดต้นทุนทั้งการผลิต เครื่องจักร ระบบการบริหารจัดการ และการจัดหาวัตถุดิบ จนถึงขั้นที่ว่าถ้ามีหน่วยงานหรือองค์กรใดสนใจก้าวสู่ธุรกิจนี้ ตนก็พร้อมจะขายโนว์ฮาวในลักษณะขายแฟรนไชส์
โมเดลธุรกิจผลิตน้ำมันไบ โอดีเซลที่ทำอยู่จัดเป็นธุรกิจขนาดกลาง ใช้เงินลงทุน 40-50 ล้านบาท เป็นโมเดลที่สามารถทำเงินได้ใน 8 ปี แต่บริหารจัดการให้คืนทุนใน 3 ปี สำหรับกำลังการผลิตประมาณ 80,000 ลิตร/วัน ปัจจุบันโรงงานของบริษัทน่าจะเป็นแห่งแรก ๆ ที่มีศักยภาพการผลิตตามมาตรฐานของกระทรวงพลังงานสำหรับโรงงานขนาดกลาง จากก่อนหน้านี้จะมีแต่ ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เท่านั้น
นายสุรเธียร อธิบายว่า ตามคอนเซ็ปต์ของโรงงานที่วางไว้จะครอบคลุมพื้นที่ 3-4 จังหวัด ในด้านการรับซื้อวัตถุดิบและการตลาด เนื่องจากระบบการผลิตเป็นแบบ Dry Process จึงไม่จำเป็นต้องทำ EIA และ HIA ส่วน SIA ได้ใช้วิธีพา อบต. และตัวแทน ชาวบ้านไปดูงานที่เชียงราย และโรงงานที่นครปฐม จากนั้นจะประกาศหาตัวแทนจัดหาวัตถุดิบ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีชาวบ้านทำธุรกิจรับซื้อน้ำมันใช้แล้วจากครัวเรือนอยู่ก่อน ซึ่งตอนนี้มี 30-40 ราย ที่เป็นตัวแทนในการจัดซื้อวัตถุดิบ ส่วนการขายจะใช้วิธีขายตรง ซึ่งตอนนี้มีทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ประกอบการขนส่ง และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยใช้กลยุทธ์ตั้งราคาต่ำกว่าน้ำมันไบโอดีเซลทั่วไป 1 บาท
"เราไม่ ได้ตั้งปั๊มเพื่อขายรีเทล แต่เราขายตรงเข้าโรงงานซึ่งส่วนใหญ่จะซื้อเป็นลอตใหญ่ 4-5 พันลิตร บางรายมีรถมารับในโรงงาน บางรายเราก็มีรถขนส่งให้ ซึ่งปัจจุบันตลาดเริ่มเป็นที่ยอมรับ มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากราคาน้ำมันที่ถูกกว่าทั่วไป และคุณภาพน้ำมันที่สามารถใช้งานได้จริง และไม่เป็นปัญหากับเครื่องยนต์"
อดีตผู้บริหารธุรกิจอสังหาริม ทรัพย์ยักษ์ใหญ่ (เอสซี แอสเสท) กล่าวว่า ตอนนี้บทบาทของตนได้หลุดจากมืออาชีพด้านอสังหาริมทรัพย์ มาสู่บทบาทของนักอุตสาหกรรมด้านพลังงานทางเลือกเต็มตัว หลังจากใช้เวลาคลุกคลีศึกษา 4-5 ปี และเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วได้เข้าสู่อุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ โดยการลงทุนก่อสร้างโรงงานเพื่อผลิตน้ำมันไบโอดีเซลเพื่อดำเนินธุรกิจในเชิง พาณิชย์
นายสุรเธียรกล่าวว่า คอนเซ็ปต์ที่คิดไว้คือต้องการให้คนไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี จึงเริ่มต้นจากงานวิจัย จากนั้นก็พัฒนาปรับปรุงมาเรื่อย ๆ ซึ่งยอมรับว่าไม่ง่าย ด้วยระบบในการผลิตที่ใช้คือ ระบบ Dry Process น้ำมันพืชที่ซื้อจากครัวเรือนจะผ่านขบวนการผลิตออกมาเป็นเนื้อน้ำมันเพื่อ ใช้งานทั้งหมด โดยไม่มีของเสียที่เหลือทิ้งให้เป็นปัญหากับสิ่งแวดล้อม
"หลังจากที่คลุกอยู่กับโรงงานผลิตไบโอดีเซล บทบาทบนเวทีสัมมนาของผมเปลี่ยนไป จากที่เคยได้รับเชิญไปพูดหัวข้อเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เวลานี้หัวข้อที่เชิญผมไปพูด ส่วนใหญ่จะเป็นหัวข้อเกี่ยวกับพลังงานทดแทน รวมถึงการมีบทบาทเป็นคณะกรรมการ สวทช. เกี่ยวกับโครงการวิจัยด้านพลังงานทดแทนต่าง ๆ เปิดโรงงานที่ จ.เชียงราย เป็นสถานที่ดูงานให้กับหลาย ๆ องค์กรที่สนใจ ทำให้เวลานี้โรงงานผลิตน้ำมันไบโอดีเซลที่ได้สร้างขึ้นนั้น ได้รับความสนใจทั้งจากองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลาย ๆ แห่ง รวมถึงเอกชนประเทศลาวที่สนใจซื้อโนว์ฮาว" นายสุรเธียรกล่าว
หน้า 1
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02p0103110353§ionid=0201&day=2010-03-11
--
Web link
http://www.edtguide.com/SuanplooThaiMassage_486629
http://www.victam.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://www.niwatkongpien.com
http://sundara21.blogspot.com
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com/v1/
http://cloudbookclub.blogspot.com
http://blogok09.blogspot.com
http://thairaptorgroup.com/TRG/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2049
http://www.ias.chula.ac.th/Thai/modules.php?name=NuCalendar
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น